ในยุคที่การสื่อสารเร็วกว่าความเร็วของเครื่องบิน
คนเรามักจะลืม.. ที่จะจดจำสิ่งต่างๆรอบตัวไป
เราเลือกที่จะนั่งกดมือถือเมื่อมีคนนั่งยิ้มให้เราในร้านกาแฟ
เราเลือกที่จะหยิบมือถือออกมาถ่ายนักร้องระหว่าง Concert แทนที่จะดูด้วยสายตาของเราเอง
เราเลือกที่จะสนใจเพียงแค่จุดหมายปลายทางที่เราจะไป โดยไม่สนใจความสวยงามของสิ่งรอบทาง
แม้มันจะ
แต่มันก็เป็นความจริงที่หลายๆคนต้องยอมรับในสังคมปัจจุบัน
การเขียน Diary นั้น มีนิยามความหมายทางภาษาสั้นๆ
"การบันทึกประจำวัน" หรือ "a daily record" นั้นเอง
เราเอง.. ลองเขียน Diary มาเกือบ 1 อาทิตย์ ~ และเราก็ได้เหตุผล 3 ข้อดีๆที่จะเขียนมันต่อไป
1. เราไม่ใช่ Hard Disk ที่จะจดจำความสุข (หรือทุกข์) ได้ตลอดไป
ถ้าเราสุข เราย่อมอยากจดจำความสุขนั้นไว้และเราคงไม่อยากลืมมัน
แต่เราก็ไม่อยากนึกถึงมันทุกวัน จนไม่สามารถเริ่มความสุขใหม่ได้
ถ้าเราทุกข์ เราก็ไม่อยากจะจำมันไว้ในสมอง เราต้องหาที่ปลดปล่อยมันออกไป
และเรียนรู้จากความทุกข์นั้น เพื่อเดินหน้าต่อไป..
Diary เป็นเหมือนเพื่อนที่เราระบายได้ทุกวัน ทุกเวลา เหมือนการคุยกับตัวเอง
แต่ได้จด + จำ ~ และสามารถกลับมาอ่านได้ในวันที่เราต้องการ
2. เราไม่สามารถเรียนรู้ได้ดีจากการพูดลอยๆ เทียบกับการจด + จำ
ข้อนี้อาจจะส่วนตัวหน่อย..
เวลาเราเรียนรู้อะไร เราชอบที่จะจดไว้ เขียนเอง เพราะมันจำได้ดีกว่า
ถ้าเราต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด เพื่อเตรียมพร้อมกับโอกาสต่อไป
เราก็อยากจำบทเรียนนั้นให้ดีกว่า..
ดีกว่าปล่อยให้มันลอยในสมองไปมาและหายไป
Diary คือสมุดของเราเอง.. เราจะเขียนด้วยปากกาสีที่เราชอบ ลายมือที่เราไม่ต้องฟังใครบ่น..
จะสั้นจะยาว ภาษาจะผิดหรือถูก มันไม่มีใครว่าเราเลย
ถ้าเราจะเขียน Diary เป็นข้อๆ แทนที่จะเขียนเป็นเรื่องยาวๆ ไม่มีใครให้คะแนน ไม่มีเกรด A B หรือ C
มันอาจจะเป็นเวลาเล็กๆที่เราได้ทำตามหัวใจของเรา แม้จะไม่มากก็ตาม
ถ้าเราแบ่งเวลาวันละ 30 นาที ในการเขียน Diary เพียงแค่หนึ่งหน้าก็คงดี
30 นาทีไม่ใช่เวลาที่นาน จนทำให้คุณไม่ว่างไปทำอย่างอื่น
อย่าลืมว่าเรามีอีก 23 ชั่วโมง 30 นาที ในการทำสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวัน
ลองเขียนสักหน้าสิ.. แล้วคุณอาจจะรู้ว่าชีวิตเราผ่านอะไรมาบ้างมากขึ้น :)
No comments:
Post a Comment