Tuesday, June 17, 2014

Mitte Coffee ~ ร้านกาแฟน่ารักๆที่เราหลงรัก..

ถ้าถามเราว่าเราชอบไปนั่งที่ร้านกาแฟไหนที่สุด สามเดือนก่อน.. เราคงตอบว่า Starbucks ~

แต่ตอนนี้เราคงต้องขอเปลี่ยนคำตอบเป็น Mitte แทน :3


เรามีโอกาสไป Mitte กับคุณเพื่อนที่น่ารักสองสามคน.. วันนั้นเรามีเวลานั่งมองไปรอบๆร้าน

มีเวลานั่งซดกาแฟที่หอมๆ, แบ่งเค้กกับคุณเพื่อนกิน, สบตากับคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม... 


(และทำของทาง Mitte พังไป 1 อย่าง... - -+)

เราก็เริ่มหลงรักร้านนี้ขึ้นมา.. ~ 

อีกครั้งที่เราไป.. เราไปคนเดียว ~ วันนั้น ไม่ใช่วันที่เรารู้สึกดีสักเท่าไร

แต่ก็ต้องแอบยิ้มเมื่อได้รับกาแฟ และ คำถามจากพี่ที่ร้านว่า "วันนี้เพื่อนไม่มาด้วยหรอ.."

ความใส่ใจเล็กๆน้อยๆ ของพี่คนนั้น (พี่บอส) ทำให้เราเริ่มสนใจรายละเอียดรอบร้าน


 จากประตูที่เดินเข้ามา.. ไปจนถึง Shelf วางของ.. นาฬิกา.. ทิชชู่.. บันได ~

ยังไม่รวมไปการโชว์รหัส Wi-Fi ที่เราต้องตกใจ + ชอบใจ Idea นี้มากมาย

สำหรับเรานั้น คือ การใส่ใจทุกรายละเอียด แม้แต่สิ่งที่เราอาจจะไม่เห็น ไม่สนใจ


การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ทำให้เรามั่นใจว่า กาแฟ + ของกินที่นี้ต้องอร่อยแน่ๆ ~ 

เราชอบ Caramel Macchiato ของ Mitte มากๆ ~ ไปทีไรก็อดสั่งไม่ได้

กาแฟหอมๆเข้มๆ ปนกับนม & Caramel ที่นอนอยู่ก้นแก้ว..

ผสมผสานกันอย่างลงตัว ~ :3


ส่วนใครที่ไม่ทานกาแฟก็ไม่ต้องเสียใจไป.. Caramel Milk ก็เป็นอีกเมนูนึงที่ผมหลงรัก

จริงๆ มันก็เหมือน Caramel Macchiato ที่ไม่ใส่กาแฟ.. 

คุณเพื่อนของผมคนนึงชอบมากๆ (เค้าไม่กินกาแฟ).. เราเคยไป Starbucks กับเค้า

พอเค้าสั่งที่ Starbucks ก็ไม่ชอบเท่าที่ Mitte ~*

Caramel Milk ที่ Mitte จะมีกลิ่นหอมๆของนมปนกับ Caramel ที่นอนอยู่

ใครชอบ Caramel ก็น่าจะหลงรักเมนูแก้วนี้ได้ง่ายๆเลยละ ท

หอมๆ หวานๆ ไปถึงหัวใจ <3
 

นอกจากกาแฟ ~ Mitte ยังมี Homemade Bakery ให้เราได้ทานคู่กับกาแฟแก้วโปรดด้วย

เรารู้สึกว่าพี่เค้าทำเค้กด้วยใจรัก.. ใส่ใจทุกรายละเอียดเช่นเดียวกับตัวร้าน

Blueberry Cheese Cake เป็นเมนูที่เราชอบมากๆของที่นี้.. กลิ่นหอมๆของชีสตัดกับ Blueberry อย่างลงตัว

(ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมไม่มีรูปของ Blueberry Cheese Cake.. มันไม่เคยอยู่ทันถ่ายรูปเลย โดนแอบกินก่อนตลอด)


วันก่อนเราไปลอง "The Secret Tart" ~ เค้กที่นำขนมอย่าง Maltese, Snickers, Oreo etc. มาเป็นส่วนผสม

ถ้าใครชอบทาน Chocolate ต้องชอบแน่นอน, เราว่าเมนูนี้สร้างสรรค์สุดๆ แต่ก็แอบหวานไปหน่อยสำหรับเรา :P


  ส่วนตัวเราชอบบรรยากาศของ Mitte มากๆ อย่างที่ได้บอกไป ~ 

บรรยากาศในร้านก็สบายๆ จะเขียนไดอารี่, ซดกาแฟไป, ยิ้มให้กับคนที่นั่งตรงข้าม ฟัง Ed Sheeran etc.

มองไปรอบๆร้านก็ยิ้มได้เรื่อยๆ เพราะรายละเอียดในร้านช่างชวนให้เราฝันและยิ้มไปด้วยกันจริงๆ
   

ชาว Blog คนไหนสนใจไป Mitte Coffee ~ ก็หาได้ไม่ยากเลย, ร้านอยู่ในเมืองทองธานี เลยมหา'ลัยสุโขทัยมานิดหน่อย (อยู่ฝั่งตรงข้ามมหา'ลัย)

ทางร้านเปิด 10.00am-9.00pm ~ ปิดทุกวันอังคาร

ใครไปไม่ถูก.. ก็สามารถโทรหาทางร้านได้ : 02-9817667

 นอกจากนี้ยังติดตามทางร้านได้ทั้ง Facebook : MitteCoffee

 และ Instagram : @mittecoffee


จริงๆ.. Mitte มีเมนูอีกมากมายที่เรายังไม่มีโอกาสไปลอง ~ เช่น Cold Brew Coffee,  Special Latte ของทางร้าน etc.

ถ้าเรามีโอกาสได้ไปอีก.. จะนำมาฝากชาว Blog แน่นอน

ใครที่ไปเคยไป Mitte ก็มา Share เมนูโปรดกันได้นะ.. :3

Saturday, June 7, 2014

The Fault In Our Stars : บทเรียนจากหนัง(สือ), & แสงดาว..

เราทำวันนี้ให้ดีที่สุดหรือยัง?

เราคิดมากในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นไปหรือเปล่า? เราได้ทำตามความฝันของชีวิตเราในวันนี้มั้ย?

 คำถามเหล่านี้ตามมาในหัวเราเรื่อยๆ หลังจากพลิกแต่ละหน้าไปใน The Fault In Our Stars

The Fault In Our Stars (#TFIOS) เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่จะเข้าโรงหนังทั่วโลกในช่วง Summer นี้.. 

แต่เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เข้าไทย.. แอบเสียใจ.. TvT

เราพึ่งทราบหนังจะเข้าไทยวันที่ 24 กรกฎาคมนี้นะ!! (น้ำตาจะไหล..)

 

 เรารู้จักหนัง(สือ) เล่มนี้จากเพลง All of The Stars ของพี่ Ed Sheeran ~ 

จากเพลงที่มีความหมายดี..ไปสู่หนังที่อยากพาใครสักคนไปดู.. และจบลงที่หนังสือเล่มหนึ่งที่ไม่อยากลืม


เราได้ตั้งคำถามกับตัวเองมากมายไปในเวลาที่อ่าน #TFIOS

  Hazel Grace, เป็นสาวคนนึงที่ต้องเผชิญกับโรคมะเร็งที่คิดว่าชีวิตคงดีขึ้นไปกว่านี้ไม่ได้

 ในทุกๆวันที่เธอตื่นมา เธอคิดว่าเธอเป็นเหมือนระเบิด ~ ที่ทำให้ชีวิตของคนรอบข้างแย่ลง

พ่อกับแม่ที่ต้องเปลี่ยนตารางชีวิตเพื่อมาดูแลเธอ, หนุ่มที่เธอชอบก็อาจจะต้องมาเสียใจเมื่อวันนึงเธอจากไป หรือ เปลี่ยนไป, etc.


เราเคยอ่านเจอคำพูดของ Oscar Wilde ที่บอกไว้ว่า "A man can be happy with any woman as long as he does not love her"

 เมื่อคนเรารักใครสักคน คำว่า "เป็นห่วง" & "กังวล" ก็จะค่อยๆเข้ามา

เราเริ่มที่จะ "คิด" แทนคนที่เรารัก... และเมื่อการ "คิด" มันเข้าสู่จุดที่มากไป

 เราก็ลืมที่จะทำตามหัวใจของตัวเอง ความฝันของตัวเอง ความรู้สึกของตัวเอง
 
บางทีคนเราก็เจอสิ่งแย่ๆ.. โลกของเราไม่ใช่โรงงานที่เติมเต็มความฝันของเราได้ทุกวัน

เพียงแค่เมื่อเราพบสิ่งแย่ๆ เราจะยอมรับและเดินหน้าไปกับมัน หรือ จะโศกเศร้ากับมันไปตลอดชีวิต?


อีกบทเรียนที่เราได้จาก #TFIOS ก็คงหนีไม่พ้น "การใช้ชีวิตให้เต็มที่ในแต่ละวัน"

Hazel มีชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อวันไหน.. แต่ยังมีความฝันที่อยากทำ..

ซึ่งความฝันเหล่านั้น ทำให้ Hazel ไม่ได้ใช้ชีวิตต่อไปเพียงวันๆ เธอเลือกที่จะทำตามฝัน ทำสิ่งที่เธอมีความสุข

แล้วเราละ? ต้องรอให้รู้ว่าวันสุดท้ายในชีวิตจะมาหาเราก่อนที่เราจะทำตามฝันให้ดีที่สุด ใช้ชีวิตให้เต็มที่หรอ.. ?


จริงๆในหนังสือมันมีหลายๆเรื่องที่ทำให้เราคิดได้อีกมากมาย ~

 แต่เราแอบกลัวว่าถ้าเล่าหมด จะเป็นการ Spoiled เนื้อเรื่องไป :P

 #TFIOS เป็นหนัง(สือ)ที่เราอยากให้ไปลองอ่านกัน ~

เราถึงกับยิ้มปนน้ำตาเลยละในตอนจบของเรื่อง

 (วันที่ 24 กรกฎาคม เจอกันที่โรงภาพยนตร์)

 ใครที่อ่านแล้วก็มา Share ความคิดกันได้นะ :3